เรียบเรียงโดย สุธีรา ศรีสมัย
ปลาป่วย ... ต้องรักษา !!
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เมื่อปลาป่วยหรือติดโรค ควรรีบแยกปลาที่เป็นโรคออกมาจากบ่อเพาะเลี้ยง เพื่อเร่งทำการรักษาก่อนเกิดปัญหาโรคระบาด อันนำไปสู่ความสูญเสียที่มากยิ่งขึ้น โรคในปลาส่วนใหญ่ที่พบ เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกันตั้งแต่ ความเครียดจากสภาพแวดล้อม ภาวะขาดสารอาหาร ไปจนถึงการติดโรคจากปรสิต รา ไวรัส และแบคทีเรียต่างๆ เป็นต้น
รักษาไม่ดีมีผลเสีย ...
เมื่อปลาเป็นโรค ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำส่วนใหญ่จะใช้ยาและสารเคมีในการรักษา แต่ในปัจจุบัน มีการใช้ยาปฏิชีวนะและสารเคมีผิดวัตถุประสงค์ พบว่า ผู้เพาะเลี้ยงหลายท่านให้ยาปฏิชีวนะแก่สัตว์น้ำเกินความจำเป็น โดยให้เพื่อกระตุ้นการเจริญและป้องกันโรค
ผลเสียที่ตามมา ...
เมื่อผู้เพาะเลี้ยงใช้ยาปฏิชีวนะและสารเคมีในการกระตุ้นการเจริญและป้องกันโรคเป็นระยะเวลานาน ย่อมเกิดการสะสมของยาและสารเคมีตกค้างในเนื้อสัตว์ ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค อีกทั้ง การให้ยาปฏิชีวนะหรือสารเคมีเป็นระยะเวลานาน ย่อมมีแนวโน้มที่นำไปสู่การดื้อยาของเชื้อก่อโรคได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ปัญหาดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการส่งออกสัตว์น้ำอีกด้วย ในปัจจุบันหลายประเทศได้ให้ความสำคัญต่อการบริโภคที่มีความสะอาดและปลอดภัย การนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์จึงมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ดังนั้น อุตสาหกรรมการส่งออกสัตว์น้ำไทย จึงควรพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สร้างอำนาจทางการแข่งขัน และสร้างมูลค่าของผลิตภัณฑ์ให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ทำไม ... จึงต้องป้องกันโรค ?
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการหาวิธีป้องกันอย่างเหมาะสม เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ดังนั้น การป้องกันโรคในสัตว์น้ำอย่างปลอดภัย ด้วยวิธีควบคุมทางชีวภาพ (bio control) ซึ่งเป็นการใช้กลไกทางธรรมชาติในการควบคุมและจัดการกับเชื้อก่อโรคอย่างปลอดภัยและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โปรไบโอติก ... แนวทางใหม่ในการป้องกันโรค ?
โปรไบโอติก คือ กลุ่มจุลินทรีย์มีชีวิตที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหารของร่างกาย อาทิ ป้องกันการติดโรคท้องร่วงท้องเสีย ช่วยย่อยและดูดซึมสารอาหาร รักษาสมดุลภายในระบบทางเดินอาหารของสัตว์ เป็นต้น โปรไบโอติกจะมีประสิทธิภาพดีในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้แก่ จุลินทรีย์กลุ่มแลคโตบาซิลลัส บิฟิโดแบคทีเรียม นอกจากนี้ เราสามารถพบเห็นโปรไบโอติกในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย อาทิ โยเกิร์ต ผักผลไม้หมักดอง โชยุ และกิมจิ เป็นต้น
การประยุกต์ใช้โปรไบโอติกในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและบำบัดคุณภาพน้ำ นับเป็นหนึ่งแนวทางในการควบคุมทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพ โดยมีรูปแบบการทำงาน ดังนี้
กล่าวได้ว่า ...
โปรไบโอติกแต่ละชนิดที่มีการนำมาใช้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำนั้น ล้วนมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและรูปแบบในการใช้งาน ทั้งในด้านการส่งเสริมการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ การยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียก่อโรค การบำบัดของเสียที่เกิดขึ้นในแหล่งน้ำ ดังนั้น การเลือกใช้โปรไบโอติกที่มีคุณสมบัติที่จำเพาะต่อความต้องการ จึงจะส่งผลให้งานที่ได้มีประสิทธิภาพดีที่สุด นอกจากนี้ การใช้โปรไบโอติกยังเป็นวิธีทางธรรมชาติในการช่วยลดและควบคุมปริมาณแบคทีเรียก่อโรค โดยไม่ต้องใช้สารเคมีและสารปฏิชีวนะ ทำให้ผลผลิตที่ได้มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และยังไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมอีกด้วย